ทำไงดี หนูชอบกรี๊ด

ทำไงดี หนูชอบกรี๊ด

การเลี้ยงดูเด็กเล็กนั้นเป็นงานที่ท้าทายสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกน้อยของคุณเริ่มแสดงพฤติกรรมการกรี๊ด ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงอายุประมาณ 17 เดือนขึ้นไป เสียงกรี๊ดของเด็กนั้นดังและน่ารำคาญ ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนรู้สึกปวดหัวและไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจสาเหตุของพฤติกรรมดังกล่าว และแนะนำวิธีการจัดการที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของคุณผ่านพ้นช่วงวัยนี้ไปได้อย่างราบรื่น

สาเหตุของพฤติกรรมการกรี๊ดในเด็กเล็ก

  1. การสำรวจความสามารถของตนเอง เด็กในวัยนี้กำลังอยู่ในช่วงของการเรียนรู้และทดลองว่าตนเองสามารถทำอะไรได้บ้าง การกรี๊ด ร้องไห้ หรือตะโกน เป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่เด็กนำมาทดลอง เพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น และคุณพ่อคุณแม่จะตอบสนองอย่างไร
  2. การสื่อสารที่จำกัด เนื่องจากเด็กเล็กยังมีวิธีการสื่อสารที่จำกัด การกรี๊ดหรือตะโกนจึงเป็นหนึ่งในวิธีที่พวกเขาใช้เพื่อแสดงความต้องการ ความรู้สึก หรือความไม่สบายใจ เสียงกรี๊ดเพียงเสียงเดียวอาจแทนคำพูดนับล้านคำที่พวกเขายังไม่สามารถสื่อสารออกมาได้
  3. การเรียกร้องความสนใจ บางครั้ง เด็กอาจใช้การกรี๊ดเพื่อดึงความสนใจจากคุณพ่อคุณแม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขารู้สึกว่าไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร การกรี๊ดเป็นวิธีที่ได้ผลในการทำให้ผู้ใหญ่หันมาสนใจพวกเขาทันที
  4. การแสดงอารมณ์ การกรี๊ดยังเป็นวิธีที่เด็กใช้ในการระบายอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ความผิดหวัง หรือความตื่นเต้น เนื่องจากพวกเขายังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ดีนัก การกรี๊ดจึงเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลในการปลดปล่อยความรู้สึกเหล่านั้นออกมา

ทำไงดี หนูชอบกรี๊ด

แนวทางในการจัดการพฤติกรรมการกรี๊ดของเด็ก

  1. ควบคุมระดับเสียงในบ้าน พยายามหลีกเลี่ยงการเปิดเสียงดังจากทีวี เพลง หรือเสียงอื่น ๆ ในบ้าน เพราะเด็กจะเริ่มคุ้นเคยกับเสียงดัง และอาจทำให้พวกเขากรี๊ดดังขึ้นเพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
  2. หลีกเลี่ยงการตะโกนใส่เด็ก เมื่อเด็กกำลังกรี๊ด การตะโกนบอกให้พวกเขาหยุดอาจไม่ได้ผล แถมยังทำให้เด็กเลียนแบบพฤติกรรมการตะโกนของคุณ และกรี๊ดมากขึ้นอีกด้วย
  3. ไม่สนใจเมื่อเด็กกรี๊ดเพื่องอแง หากเด็กกรี๊ดเพื่อเรียกร้องความสนใจหรือเอาแต่ใจ ให้พยายามไม่สนใจ แต่หากเขามีพฤติกรรมที่น่ารัก ให้ใส่ใจและชื่นชมมากขึ้น เพื่อให้เด็กเรียนรู้ว่าการกรี๊ดไม่ใช่วิธีที่ดีในการได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ
  4. เบี่ยงเบนความสนใจ เมื่อเด็กเริ่มกรี๊ด ให้พยายามหากิจกรรมหรือสิ่งของที่ช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขา เช่น การเปิดเพลงที่พวกเขาชอบ หรือหยิบของเล่นที่มีเสียงมาให้พวกเขาสนใจ
  5. สอนให้เด็กรู้จักควบคุมการใช้เสียง เมื่อเด็กโตขึ้นและเริ่มเข้าใจภาษามากขึ้น ให้เริ่มสอนว่าเสียงแบบใดเหมาะกับสถานที่ใด เช่น การไม่ส่งเสียงดังในห้องสมุด หรือการพูดคุยเบา ๆ ในร้านอาหาร นอกจากนี้ คุณอาจสร้าง “ห้องสำหรับกรี๊ด” ในบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เด็ก ๆ สามารถระบายอารมณ์ด้วยการกรี๊ดได้อย่างเต็มที่ วิธีนี้จะช่วยให้เด็กเรียนรู้ที่จะควบคุมการใช้เสียงของตนเองในสถานการณ์ต่าง ๆ
  6. ให้กำลังใจและความเข้าใจ การเลี้ยงดูเด็กเล็กเป็นเรื่องท้าทาย ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และเข้าใจว่าพฤติกรรมการกรี๊ดของเด็กเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการตามวัย ซึ่งจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อเด็กเริ่มเรียนรู้วิธีการสื่อสารและควบคุมอารมณ์ที่ดีขึ้น
  7. พาเด็กออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง การออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นวิธีที่ดีในการช่วยให้เด็กระบายพลังงานส่วนเกิน ซึ่งจะช่วยลดพฤติกรรมการกรี๊ดลงได้ นอกจากนี้ ยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจของเด็กอีกด้วย
  8. จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม สร้างสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและปลอดภัยให้กับเด็ก จัดพื้นที่ในบ้านให้เป็นระเบียบ และกำจัดสิ่งของที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อเด็ก ๆ เพื่อลดความเครียดและความวิตกกังวลที่อาจส่งผลให้เด็กมีพฤติกรรมการกรี๊ดมากขึ้น

บทสรุป พฤติกรรมการกรี๊ดในเด็กเล็กเป็นเรื่องปกติตามช่วงวัย ซึ่งมีสาเหตุมาจากการสำรวจความสามารถของตนเอง การสื่อสารที่จำกัด การเรียกร้องความสนใจ และการแสดงอารมณ์ คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยจัดการพฤติกรรมเหล่านี้ได้ด้วยการควบคุมระดับเสียงในบ้าน หลีกเลี่ยงการตะโกน ไม่สนใจเมื่อเด็กกรี๊ดเพื่องอแง เบี่ยงเบนความสนใจ สอนให้เด็กรู้จักควบคุมการใช้เสียง ให้กำลังใจและความเข้าใจ พาเด็กออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง และจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ด้วยความรักและความเข้าใจจากคุณพ่อคุณแม่ ลูกน้อยของคุณจะสามารถผ่านพ้นช่วงวัยนี้ไปได้อย่างราบรื่น และเติบโตเป็นเด็กที่มีพัฒนาการสมวัย

 

10 Q&A ยอดนิยมที่ New parents มักมีปํญหา และถามบ่อยๆ เมื่อลูกกริ๊ดด

  1. Q: ทำไมลูกถึงชอบกรี๊ดบ่อยๆ?
    A: เด็กเล็กมักกรี๊ดเพราะเป็นวิธีระบายอารมณ์ สำรวจเสียง เรียกร้องความสนใจ หรือสื่อสารความต้องการ เนื่องจากยังพูดไม่ได้ การกรี๊ดจึงเป็นหนึ่งในวิธีการแสดงออกที่ง่ายที่สุดสำหรับพวกเขา 
  2. Q: ลูกชอบกรี๊ดเวลาอยู่ข้างนอก จะทำอย่างไรดี?
    A: พยายามเบี่ยงเบนความสนใจลูก ด้วยการชี้ชวนให้สนใจสิ่งอื่น เช่น ต้นไม้ นก ฯลฯ หรือพาเดินเล่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ถ้าเป็นเวลาที่ลูกอาจง่วง หิว ให้รีบพากลับมาจัดการความต้องการพื้นฐานก่อน
     
  3. Q: ลูกไม่ยอมหยุดกรี๊ดในที่สาธารณะ ทำอย่างไรดี?
    A: พยายามรักษาความใจเย็น อุ้มลูกออกมาจากที่ชุลมุน หาพื้นที่เงียบสงบให้ลูกสงบอารมณ์ ถ้าลูกกรี๊ดไม่หยุด ให้พาลูกกลับบ้านแล้วค่อยจัดการต่อที่บ้าน อย่าใจร้อนหรือแสดงความโกรธใส่ลูก
     
  4. Q: จะสอนให้ลูกเลิกกรี๊ดได้อย่างไร?
    A: เมื่อลูกพูดได้มากขึ้น ให้สอนให้ลูกใช้คำพูดแทนการกรี๊ด เช่น “ผมโกรธ” “หนูเสียใจ” ฯลฯ ชื่นชมเมื่อลูกสื่อสารด้วยคำพูดแทนการกรี๊ด อย่าตอบสนองในทางลบเวลาลูกกรี๊ด แต่ตอบสนองในทางบวกเวลาเขาไม่กรี๊ดมากกว่า
     
  5. Q: การปล่อยให้ลูกกรี๊ดไปเรื่อยๆ จะเป็นอะไรไหม?
    A: ไม่เป็นไร เด็กเล็กกรี๊ดเป็นเรื่องปกติ ถ้าพ่อแม่รู้สาเหตุและจัดการได้อย่างใจเย็น พฤติกรรมนี้จะค่อยๆ หายไปเมื่อลูกโตขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรสอนให้ลูกรู้จักควบคุมอารมณ์และใช้คำพูดมากขึ้นเมื่อเขาทำได้
     
  6. Q: ลูกชอบกรี๊ดเวลาโกรธ จะรับมืออย่างไร?
    A: ในเวลาปกติ ฝึกให้ลูกรู้จักอารมณ์ตนเอง โดยบอกชื่ออารมณ์ให้เขาฟัง เช่น โกรธ เสียใจ ดีใจ ฯลฯ เมื่อลูกกำลังโกรธและกรี๊ด ให้ใจเย็นๆ บอกเขาว่า “หนูกำลังโกรธใช่ไหม ไม่เป็นไร แต่เรามาลองหายใจเข้าลึกๆ แล้วบอกว่าโกรธทำไมกันนะ”
     
  7. Q: ลูกมักจะกรี๊ดเวลาไม่ได้ดั่งใจ ควรทำอย่างไร?
    A: อย่าใจอ่อนยอมให้ทุกครั้งที่ลูกกรี๊ด เพราะจะสอนให้ลูกเรียนรู้ว่ากรี๊ดแล้วจะได้อย่างใจ ให้ใจเย็น ยืนกราน แต่พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ถ้าลูกกรี๊ดหนักขึ้น ก็ทำเฉยๆ ไม่สนใจ จนกว่าจะสงบแล้วค่อยคุยกัน
     
  8. Q: เปิดเพลงดังๆ เวลาลูกกรี๊ด จะช่วยได้ไหม?
    A: ในระยะสั้นอาจได้ผล เพราะลูกจะสนใจเสียงเพลงแทน แต่ถ้าทำบ่อยๆ อาจทำให้ลูกชินกับเสียงดัง และอาจกลายเป็นช่องทางให้ลูกใช้กรี๊ดเรียกร้องเพลงได้ แนะนำให้ใช้วิธีอื่น เช่น การกอด การเบี่ยงเบนความสนใจ ฯลฯ
     
  9. Q: หากลูกกรี๊ดแล้วหยุดเอง ควรปล่อยไหม?
    A: ควรปล่อยให้ลูกกรี๊ดระบายไปจนกว่าจะหยุด เมื่อลูกหยุด ให้ชมเชยทันที เช่น “หนูทำได้ดีมากเลยที่สงบลงได้ด้วยตัวเอง” การชมช่วยเสริมให้ลูกเรียนรู้วิธีการควบคุมตนเอง
     
  10. Q: กังวลว่าลูกจะกรี๊ดเรื้อรัง ต้องทำอย่างไร?
    A: การกรี๊ดเป็นพฤติกรรมปกติของเด็กวัยนี้ เมื่อลูกค่อยๆ พูด สื่อสาร และควบคุมอารมณ์ได้มากขึ้น การกรี๊ดจะลดน้อยลง แต่หากลูกอายุเกิน 3-4 ปีแล้วยังกรี๊ดบ่อยมาก หรือมีปัญหาพัฒนาการด้านอื่นร่วมด้วย ควรปรึกษากุมารแพทย์