Category Archives: ทักษะพัฒนาการ

ฝึกลูกนั่งกระโถนแบบคุณแม่มืออาชีพ

1. บอกลูกว่า “ถ้ารู้สึกมีอะไรตุงๆ ที่ก้นให้บอกแม่ทันทีนะจ๊ะ”

2. พาไปนั่งเล่นบนกระโถนให้คุ้น หรือนั่งฟังนิทานไปด้วย

3. สังเกตว่าลูกมักจะอึเมื่อไหร่

4. เมื่อถึงเวลาก็พาไปนั่งเล่นบนกระโถน

5. ช่วยลูกถอดกางเกง

6. ทำเช่นนี้ทุกวันจนเป็นกิจวัตร

7. ชมลูกที่นั่งบนกระโถนเป็น จะช่วยให้ลูกมีกำลังใจ อยากทำอีกเรื่อยๆ


ป๋องแป๋งอึไม่ออก นิทานเด็ก ฝึกวินัยการกินเพื่อการขับถ่ายที่ดี หนังสือสำหรับเด็ก 4-6 ปี

ป๋องแป๋งไม่อั้นฉี่ นิทานเด็ก ฝึกลูกให้ไม่อั้นฉี่ รู้จักทำความสะอาดเมื่อฉี่เสร็จ หนังสือสำหรับเด็ก 0-6 ปี

ป๋องแป๋งเลิกใช้ผ้าอ้อม นิทานเด็ก ฝึกให้ใส่กางเกงในแทนผ้าอ้อมในวัยเหมาะสม หนังสือสำหรับเด็ก 0-6 ปี

อุ๊ย อึ๊ โอ้โฮ หนังสือเด็ก ปลูกฝังสุขนิสัยที่ดีในการขับถ่าย (สแกนQRCode ฟังเพลงแสนสนุกได้ที่ปกหลัง) หนังสือสำหรับเด็ก 0-6 ปี

ฝึกลูกให้ตั้งคำถาม

ฝึกลูกให้ตั้งคำถามนั้นไม่ยาก วิธีที่ง่ายที่สุดคือ หมั่นใช้ 2 คำนี้ คือ “ทำไม” กับ “ถ้า” เช่น “ทำไมหนูถึงชอบนิทานเล่มนี้จ้ะ” “ถ้าเป็นหนูจะทำแบบนั้นมั้ย” ฯลฯ เมื่อถามลูกประจำ ลูกจะเลียนแบบและเริ่มตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆ รอบตัวจนเป็นนิสัย นำไปสู่การอยากหาคำตอบให้ได้ ช่วยกระตุ้นให้ลูกกระตือรือร้นอยากเรียนรู้เองโดยธรรมชาติ ไม่ต้องบังคับเลย

นิทานต่างมุม 4 เล่ม ฝึกลูกคิด ตั้งคำถามตามความเข้าใจตัวเอง

ฝึกความรับผิดชอบให้กับลูก 5 วิธีง่าย ๆ

วินัยและความรับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญที่ควรปลูกฝังกันตั้งแต่เล็ก ไม่ต้องรอให้ถึงวัยเข้าโรงเรียนเลยค่ะ สำหรับเด็กเล็กพ่อแม่สามารถสอนได้ทันทีตั้งแต่อยู่ที่บ้าน เริ่มต้นจากเรื่องใกล้ตัวง่ายๆ ที่เด็กๆ พบเห็นได้ทุกวัน ดังนี้

1. เก็บของเล่น ทุกครั้งที่ลูกเล่นของเล่นเสร็จแล้ว พ่อแม่ต้องสอนลูกให้จัดเก็บใส่กล่อง ชั้น หรือเก็บวางเข้าที่ให้เรียบร้อย ในระยะแรกพ่อแม่ต้องทำให้ดูเป็นตัวอย่างและชวนลูกทำตามในบรรยากาศเป็นกันเอง ไม่บังคับ ดุด่า รวมถึงขณะเล่นก็ควรสอนให้เขารู้จักดูแลรักษาของเล่น ไม่ทิ้งขว้าง ทำลาย

2. เก็บที่นอน ฝึกลูกให้รู้จักเก็บที่นอน หมอน พับผ้าห่มเอง ซึ่งลูกอาจยังทำได้ไม่เรียบร้อยนัก แต่พ่อแม่ก็ควรให้เขาได้ฝึกทำเองก่อน เพื่อให้ลูกรู้สึกว่าเขาทำได้ มั่นใจและภูมิใจที่ได้ทำ โดยพ่อแม่ต้องพูดชมให้กำลังใจลูกเสมอเมื่อเขาทำได้

3. ดูแลความเรียบร้อยในบ้าน เป็นการสอนให้ลูกมีส่วนร่วมรับผิดชอบในครอบครัว แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ลูกจะรู้สึกภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือพ่อแม่และเป็นส่วนหนึ่งของงาน เช่น สอนให้ลูกปิดไฟทุกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน ถอดปลั๊กไฟเครื่องใช้ไฟฟ้าหลังใช้เสร็จ ช่วยเก็บผ้าที่ตากไว้เมื่อแห้ง ช่วยพับผ้า เป็นต้น  

4. ดูแลสัตว์เลี้ยง ต้นไม้ เช่น ให้อาหาร อาบน้ำสุนัข รดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย หรือนำเศษใบไม้ เศษอาหารมาทำปุ๋ยหมัก อีกทั้งยังช่วยกล่อมเกลาให้ลูกมีจิตใจเมตตาและรักธรรมชาติ

5. ดูแลน้อง ครอบครัวที่มีพี่น้อง พ่อแม่อาจกำหนดให้พี่ช่วยดูแลน้อง เช่น ช่วยแม่อาบน้ำให้น้อง ป้อนข้าว แต่งตัว ซึ่งช่วยสร้างความรักความผูกพันระหว่างพี่น้องได้อย่างดีมากด้วย 

การปลูกฝังความรับผิดชอบให้เด็กเล็กควรเริ่มจากเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัว เมื่อลูกโตขึ้นพ่อแม่จึงค่อยเพิ่มความรับผิดชอบที่มากขึ้นตามลำดับ โดยพิจารณาความยากง่ายของกิจกรรมให้เหมาะสมกับช่วงวัย และสิ่งสำคัญพ่อแม่จะต้องทำเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกก่อนเสมอนะคะ


ป๋องแป๋ง ชุดมีน้อง นิทานเด็ก ป๋องแป๋ง ชุดมีน้อง นิทานก่อนนอน ฝึกให้รักและผูกพันกับน้อง สร้างทักษะทางสังคม หนังสือสำหรับเด็ก 4-6 ปี

ป๋องแป๋งทำงานบ้าน นิทานเด็ก ป๋องแป๋งทำงานบ้าน ฝึกทักษะ EF ผ่านการทำงานบ้าน ฝึกความรับผิดชอบ นิทานก่อนนอน หนังสือสำหรับเด็ก 4-6 ปี

ป๋องแป๋งแต่งตัว นิทานเด็ก ป๋องแป๋งแต่งตัว นิทานก่อนนอน ฝึกให้แต่งตัวเองได้ หนังสือสำหรับเด็ก 0-3 ปี

เก็บเอง เก่งจัง หนังสือเด็ก เรียนรู้ระเบียบวินัย รู้จักเก็บของเล่น (สแกนQRCode ฟังเพลงแสนสนุกได้ที่ปกหลัง) หนังสือสำหรับเด็ก 0-6 ปี

ฝึกลูกให้อารมณ์ดี EQ สูง

มีผลวิจัยเกี่ยวกับอารมณ์ขันในเด็กพบว่า เด็กที่ชอบหัวเราะ ยิ้มแย้ม อารมณ์ดีจะมีแนวโน้มโตขึ้นเป็นคนที่มีระดับ IQ สูง รู้จักแสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม และมีความสุข เนื่องจากเซลล์ประสาทสมองของเด็กจะแตกแขนงเชื่อมโยงกัน เก็บบันทึกช่วงเวลาแห่งความสุขเหล่านั้นเป็นความทรงจำลงในจิตใต้สำนึกไว้ตลอดชีวิตนั่นเอง

สำหรับเด็กเล็ก 1-3 ปีปกติเป็นวัยที่หัวเราะง่ายอยู่แล้ว เพียงแค่พ่อแม่ให้ความเอาใจใส่ดูแลใกล้ชิด กิจวัตรทั่วไปก็สามารถสร้างอารมณ์ขันให้ลูกได้ไม่ยากเลยค่ะ มีอะไรบ้างมาดูกันเลย    

1. ทำหน้าตาแปลกๆ เช่น ทำแก้มป่อง ปากจู๋ ยักคิ้ว จมูกบี้ ฯลฯ เล่นกับลูก หรือให้ลองทำตามแล้วส่องกระจกดูหน้าตัวเอง

2. แปลงเนื้อเพลงใหม่ นำเพลงที่ลูกชอบมาเปลี่ยนเนื้อเพลงให้ตลกขบขัน อาจใส่ชื่อลูกเข้าไปในเนื้อเพลงด้วย เด็กจะชอบมาก

3. ทำท่าทางเลียนแบบตัวการ์ตูนหรือตัวละครที่ลูกชอบ สามารถใช้การพูดล้อเลียนบทสนทนาที่ตัวละครเหล่านั้นชอบพูดด้วยก็ได้

4. เป่าฟองสบู่ ขณะลูกอาบน้ำ ให้ใช้หลอดเป่าน้ำสบู่หรือยาสระผมเป็นฟองลอยไปตามอากาศ เด็กจะสนุกมากที่ได้จับฟองเล่นแล้วแตกโพละ!

5. เล่นจ๊ะเอ๋ เป็นการเล่นที่เด็กวัยนี้โปรดปรานมาก แค่พ่อแม่เอามือปิดหน้าแล้วจ๊ะเอ๋ หรือโผล่หน้าจากที่กันบังมาจ๊ะเอ๋ ก็สามารถทำให้ลูกขำเอิ๊กอ๊ากไม่หยุดแล้ว

6. เล่นปูไต่ สมมุติกับลูกว่ามือพ่อแม่เป็นตัวปูหรือแมงมุมแล้วใช้นิ้วไต่ไปตามตัวลูก หยุดแวะจั๊กจี้ตามพุง ตามฝ่ามือบ้าง รับรองว่าลูกจะหัวเราะไม่หยุดทีเดียว

ความจริงยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่สร้างอารมณ์ขัน เสียงหัวเราะให้กับลูก ซึ่งล้วนแต่ทำได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย นอกจากจะสร้าง EQ ที่ดีให้ลูกแล้วยังช่วยสานรักผูกพันระหว่างพ่อแม่ลูกได้อย่างดีมากๆ เลยค่ะ

ธรรมชาติของเด็กเล็กจะเรียนรู้อารมณ์และการแสดงออกจากคนที่อยู่รอบตัว โดยเฉพาะพ่อแม่ พูดง่ายๆ พ่อแม่เป็นคนอารมณ์แบบไหน ลูกก็จะซึมซับอารมณ์แบบนั้นเข้ามา ถ้าปล่อยลูกไว้กับหน้าจอมือถือ แท็บเล็ต ลูกก็จะแสดงออกในเดียวกับภาพที่เห็นบ่อยๆ นั้น นั่นคือ เปลี่ยนเร็ว อารมณ์แปรปรวน ใจร้อน เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นเด็กก้าวร้าวได้ง่าย เลี้ยงลูกให้รู้จักควบคุมอารมณ์เป็น EQ สูง จึงต้องเริ่มจากดูแล EQ ของพ่อแม่เองก่อน


ป๋องแป๋งชุด EQ นิทานเด็ก ป๋องแป๋ง ชุด EQ นิทานก่อนนอน สอนลูกให้รู้วิธีควบคุมการแสดงออกทางอารมณ์อย่างเหมาะสม หนังสือสำหรับเด็ก 4-6 ปี

อ่านนิทานให้ลูกฟัง เมื่อไหร่ดี

บทนำ

การอ่านหนังสือให้ลูกฟังเป็นกิจกรรมที่สนุกสนานและสำคัญที่ช่วยส่งเสริมทักษะการอ่านออกเขียนได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูกให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในฐานะผู้ปกครอง คุณอาจกระตือรือร้นที่จะแนะนำหนังสือนิทานให้กับลูกน้อยของคุณ ในขณะที่เด็กทุกคนมีพัฒนาการตามจังหวะของตนเอง บทความนี้จะสำรวจลำดับเวลาทั่วไปว่าคุณควรอ่านหนังสือนิทานเล่มแรกให้ลูกฟังเมื่อใด มาดูกัน!

ทำความเข้าใจการพัฒนาภาษาในช่วงต้น

ก่อนที่จะเจาะลึกว่าเมื่อใดที่คุณสามารถเริ่มอ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟัง สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจขั้นตอนพัฒนาการทางภาษาในช่วงขวบปีแรก เด็กทารกจะเน้นการฟังและเลียนเสียงเป็นหลัก พวกเขาเริ่มพูดพล่ามและส่งเสียงง่ายๆ ซึ่งเป็นรากฐานของการเรียนรู้ภาษา

เมื่ออายุประมาณหนึ่งขวบ เด็ก ๆ จะเริ่มใช้คำแรกและค่อย ๆ ขยายคำศัพท์ของพวกเขา พวกเขาเรียนรู้ที่จะเข้าใจคำสั่งและคำสั่งง่ายๆ เมื่ออายุได้สองขวบ เด็กวัยหัดเดินอาจเริ่มสร้างประโยคสั้นๆ และมีส่วนร่วมในการสนทนาพื้นฐาน

ขั้นที่ 1: ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Board Books (6-12 เดือน)

ระหว่างหกถึงสิบสองเดือน ลูกของคุณจะสนใจในการสำรวจสิ่งของมากขึ้น รวมถึงหนังสือด้วย นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการแนะนำบอร์ดบุ๊กที่มีสีสันสดใส รูปภาพเรียบง่าย และข้อความน้อยที่สุด แม้ว่าลูกน้อยของคุณอาจไม่เข้าใจเรื่องราว แต่พวกเขาจะสนุกกับการดูภาพ พลิกหน้า และสำรวจแง่มุมสัมผัสของหนังสือ

เลือกหนังสือกระดานที่มีหน้ากระดาษแข็งแรงทนทานต่อการเคี้ยวและน้ำลายไหล คุณสามารถอ่านออกเสียงให้ลูกฟัง ชี้สิ่งของ และสร้างเอฟเฟกต์เสียงง่ายๆ เพื่อดึงความสนใจของพวกเขา

ขั้นที่ 2: หนังสือภาพและเรื่องราวง่ายๆ (12-24 เดือน)

เมื่ออายุประมาณหนึ่งขวบ เด็ก ๆ จะเริ่มเข้าใจแนวคิดเรื่องความคงทนของวัตถุ โดยเข้าใจว่าวัตถุนั้นมีอยู่จริงแม้ว่าจะมองไม่เห็นก็ตาม การพัฒนาความรู้ความเข้าใจนี้เปิดโอกาสในการอ่านหนังสือภาพที่มีเรื่องราวง่ายๆ

เลือกใช้หนังสือภาพที่มีภาพประกอบขนาดใหญ่ สีสันสดใส และข้อความน้อยที่สุด เลือกนิทานที่มีวลีหรือคำคล้องจองซ้ำๆ ที่ดึงดูดความสนใจของลูก กระตุ้นให้ลูกชี้ไปที่สิ่งของในหนังสือและเลียนแบบเสียงสัตว์หรือคำง่ายๆ

ขั้นที่ 3: เรื่องเล่าพร้อมเรื่องเล่าง่ายๆ (2-3 ปี)

ระหว่างอายุสองถึงสามขวบ ทักษะทางภาษาของเด็กจะมีการเติบโตอย่างมาก พวกเขาเริ่มเข้าใจและใช้ประโยคที่ซับซ้อนมากขึ้นและเล่นโดยใช้จินตนาการ ขั้นตอนนี้เหมาะสำหรับการแนะนำหนังสือนิทานที่มีเรื่องเล่าง่ายๆ

เลือกหนังสือนิทานที่มีโครงเรื่องน่าดึงดูด ตัวละครที่เกี่ยวข้อง และไม่กี่ประโยคต่อหน้า มองหาหนังสือที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมแบบโต้ตอบ เช่น การถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องราวหรือตัวละคร ลูกของคุณจะเริ่มทำตามและพัฒนาความเข้าใจพื้นฐานของโครงเรื่อง

ขั้นที่ 4: สำรวจเรื่องราวที่ยาวขึ้น (3-4 ปี)

เมื่อลูกของคุณอายุใกล้สามขวบ พวกเขาจะมีคำศัพท์ที่กว้างขึ้นและช่วงความสนใจที่ยาวขึ้น ในขั้นตอนนี้ คุณสามารถเริ่มอ่านหนังสือนิทานที่ยาวขึ้นพร้อมโครงเรื่องที่มีรายละเอียดมากขึ้นและภาษาบรรยาย

เลือกหนังสือที่มีภาพประกอบที่น่าสนใจ ธีมที่เหมาะสมกับวัย และประโยคที่อาจครอบคลุมย่อหน้า กระตุ้นให้บุตรหลานของคุณคาดเดาสิ่งที่อาจเกิดขึ้นต่อไปในเรื่องราวและถามคำถามปลายเปิดเพื่อกระตุ้นทักษะการคิดเชิงวิพากษ์

ขั้นที่ 5: การพัฒนาทักษะการอ่าน (4 ปีขึ้นไป)

เมื่อลูกของคุณก้าวหน้าเกินอายุสี่ขวบ ทักษะการอ่านของพวกเขาก็จะพัฒนาต่อไป พวกเขาอาจเริ่มจำคำศัพท์ที่คุ้นเคย ออกเสียงตัวอักษร หรือแม้แต่พยายามอ่านประโยคง่ายๆ นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่คุณสามารถค่อยๆ เปลี่ยนจากการอ่านหนังสือให้ลูกอ่านเป็นการอ่านกับลูกได้

กระตุ้นให้ลูกของคุณมีส่วนร่วมในกิจกรรมการอ่านโดยผลัดกันอ่านประโยคหรือหน้าต่างๆ เลือกหนังสือที่มีตัวพิมพ์ขนาดใหญ่และคำศัพท์ง่ายๆ ที่สอดคล้องกับระดับการอ่าน เสนอคำชมและการสนับสนุนเมื่อพวกเขาก้าวหน้าในเส้นทางการอ่าน

ขั้นที่ 6: หนังสือนิทานขั้นสูงและหนังสือบท (6+ ปี)

เมื่ออายุประมาณหกขวบ เด็กจำนวนมากพร้อมสำหรับหนังสือนิทานและหนังสือบทขั้นสูง ในขั้นตอนนี้พวกเขาได้พัฒนาพื้นฐานที่มั่นคงในทักษะการอ่านและการจับใจความ

แนะนำหนังสือบทที่มีโครงเรื่องที่น่าสนใจ ตัวละครที่น่าสนใจ และเรื่องเล่าที่ซับซ้อนมากขึ้น ส่งเสริมให้ลูกของคุณอ่านอย่างอิสระ ในขณะที่ยังคงมีส่วนร่วมในการอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องราวและตัวละคร ขั้นตอนนี้นับเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางการอ่านของพวกเขาและเปิดโลกแห่งจินตนาการและการค้นพบ

เคล็ดลับในการอ่านหนังสือกับลูกของคุณ
  1. อ่านหนังสือให้เป็นนิสัย: แบ่งเวลาอ่านหนังสือกับลูกเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นก่อนนอนหรือระหว่างวัน ความสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างกิจวัตรการอ่าน
  2. สร้างสภาพแวดล้อมในการอ่านหนังสือที่สะดวกสบาย: หาจุดที่สะดวกสบายที่คุณและบุตรหลานของคุณสามารถอ่านหนังสือได้ ทำให้เป็นประสบการณ์ที่ผ่อนคลายและสนุกสนาน
  3. ใช้เสียงและท่าทางที่แสดงความรู้สึก: ทำให้เรื่องราวมีชีวิตชีวาโดยใช้เสียงที่แตกต่างกันสำหรับตัวละครและผสมผสานท่าทาง สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มประสบการณ์การเล่าเรื่องและดึงดูดความสนใจของบุตรหลานของคุณ
  4. ส่งเสริมการโต้ตอบ: ถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องราว ตัวละคร และภาพประกอบ กระตุ้นให้ลูกของคุณทำนาย แสดงความคิด และเชื่อมโยงเรื่องราวกับประสบการณ์ของพวกเขาเอง
  5. สร้างห้องสมุดที่หลากหลาย: แนะนำบุตรหลานของคุณให้รู้จักกับหนังสือที่หลากหลาย รวมถึงประเภท วัฒนธรรม และมุมมองที่แตกต่างกัน สิ่งนี้ขยายขอบเขตอันไกลโพ้นของพวกเขาและส่งเสริมการเอาใจใส่และความเข้าใจ

สรุป

การอ่านหนังสือนิทานเล่มแรกให้ลูกฟังถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในเส้นทางการรู้หนังสือในช่วงแรกๆ ของพวกเขา เมื่อเข้าใจขั้นตอนของพัฒนาการทางภาษาและเลือกหนังสือที่เหมาะสมกับวัย คุณจะสามารถสร้างความรักในการอ่านและวางรากฐานสำหรับทักษะการรู้หนังสือที่แข็งแกร่งได้

โปรดจำไว้ว่า การอ่านไม่ใช่แค่การถอดรหัสคำเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับความสุขของการเล่าเรื่อง จินตนาการ และความเชื่อมโยงด้วย หวงแหนช่วงเวลาอันมีค่าเหล่านี้กับลูกของคุณในขณะที่คุณเริ่มต้นการผจญภัยตลอดชีวิตผ่านหน้าหนังสือนิทาน มีความสุขในการอ่าน!

ปิดเทอมอย่างไร ไม่ให้ลูกความรู้หาย

ปัญหาหนึ่งของปิดเทอมใหญ่ หยุดกันยาว ๆ แบบนี้ ก็คือลูกลืมความรู้ที่เคยเรียนมาไปหมด

คำที่เคยสะกดถูกกลับเขียนผิดโจทย์เลขที่เคยทำได้ก็ลืมวิธีคิดไปแล้ว

ทำไงดี วิธีแก้ไม่ยาก เพียงแค่…

นำหนังสือหรือแบบฝึกของเทอมที่แล้วมาเล่นกับลูก
แต่หากหวังจะให้ลูกนั่งอ่านคนเดียวคงยาก เพราะไม่สนุกเท่าดูการ์ตูน

หรือวิ่งเล่น ดังนั้นพ่อแม่จำเป็นต้องชี้ชวนสร้างบรรยากาศการอ่านให้สนุกสนาน

เช่น ชวนลูกมาแข่งกันอ่านคำภาษาไทยทีละคำ หรือแข่งกันทำโจทย์เลขทีละข้อ

(อาจกำหนดเวลาสั้นๆ เช่น 10 นาที, 15 นาที) ใครทำได้มากที่สุดชนะ

จะได้สิทธิ์เลือกเมนูโปรดมื้อเย็น 1 อย่าง

นอกจากนี้พ่อแม่ยังสามารถคิดคำหรือตั้งโจทย์ขึ้นมาเองก็ได้

(ซึ่งควรเรียงจากง่ายไปยาก) ก็จะเป็นโอกาสดีในการสอนลูกไปในตัว

ผ่านการเล่นสนุกโดยไม่จำเป็นต้องเคร่งเครียดจริงจัง

ป้องกันลูกจากการถูกลักพาตัว

ข่าวลักพาตัวเด็กยังมีให้เห็นเรื่อยๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ประมาณ ดูแลเจ้าตัวเล็กกันอย่างใกล้ชิด วันนี้พี่คิดส์ซี่มีวิธีรับมือกับภัยใกล้ตัวนี้มาฝากกันค่ะ

1. สอนลูกไม่ให้คุย หรือรับขนมจากคนแปลกหน้า แม้ว่าคนนั้นจะพูดจาดี น่าเชื่อถือก็ตาม บอกลูกว่า อย่าเพิ่งเชื่อหรือไว้ใจเด็ดขาด ควรแจ้งผู้ใหญ่ก่อนเสมอ

2. ซักซ้อมเล่นจำลองสถานการณ์กับลูกว่าหากเกิดเหตุการณ์จริงควรทำอย่างไรกันดี เช่น หลงทางในห้างสรรพสินค้าจะทำอย่างไร  อาจขอความช่วยเหลือจากพนักงานห้าง ไม่หลงเชื่อคนแปลกหน้าที่เข้ามาบอกว่าจะพาไปส่งที่บ้าน เป็นต้น

3. ไม่ควรปล่อยลูกอยู่คนเดียวที่บ้าน หรือตามสถานที่ต่างๆ แม้ว่าจะมั่นใจว่าปลอดภัย เพราะอาจเกิดอันตรายจากมิจฉาชีพได้ จากผลสำรวจพบว่าสถานที่ที่เด็กถูกลักพาตัวมากที่สุดก็คือ ร้านเกม บริเวณบ้าน และห้างสรรพสินค้าตามลำดับ

4. ให้ลูกจดจำข้อมูลของคุณพ่อคุณแม่ หรือเขียนใส่กระดาษพกติดตัวไว้ เช่น ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ และสอนให้ลูกบอกข้อมูลกับคนที่น่าไว้ใจได้เท่านั้นเมื่อหลงทาง เช่น พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจ

5. หลีกเลี่ยงให้ลูกเดินในที่เปลี่ยว แหล่งเสื่อมโทรม ขึ้นรถแท็กซี่ที่ติดฟิล์มสีเข้มกว่าปกติ รวมถึงสถานที่สาธารณะยามค่ำคืน

6. สอนให้ลูกวิ่งหนีและตะโกนขอความช่วยเหลือทันที เมื่อเกิดเหตุการณ์การณ์ไม่น่าไว้ใจ เช่น “ช่วยหนูด้วย” “ช่วยผมด้วย”

7. กรณีที่เป็นเด็กโต คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนให้ลูกมีสติ ไม่ร้องไห้ ตกใจกลัว และรู้จักป้องกันตัวเบื้องต้นในยามฉุกเฉิน เช่น ขว้างสิ่งของใกล้มือใส่คนร้าย เบี่ยงเบนความสนใจ หรือโจมตีจุดที่อ่อนที่สุดของคนร้าย เช่น ดวงตา จากนั้นให้วิ่งหนีให้เร็วที่สุดเพื่อขอความช่วยเหลือ

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณพ่อคุณแม่ในการเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ได้นะคะ


หนังสือนิทาน “อย่าไว้ใจนะป๋องแป๋ง” นิทานกิจกรรม พร้อมสติกเกอร์ติดสนุก สอนดูแลป้องกันภัยจากภัยถูกล่วงละเมิดทางเพศ หนังสือสำหรับเด็ก 4-6 ปี

Activity Book ประกอบนิทานแสนสนุก เรียนรู้การดูแลป้องกันตนเองจากภัยถูกล่วงละเมิดทางเพศ สำหรับเด็กปฐมวัย สนุกกับกิจกรรมภายในเล่ม พร้อมสติ๊กเกอร์แสนน่ารัก เสริมทักษะ EF

หนังสือนิทาน “ปิงปิงถูกหลอก” สอนลูกระวังภัยผู้ไม่หวังดี รู้วิธีรับมือคนแปลกหน้า

นิทานปิงปิง เรื่อง ปิงปิงถูกหลอก 1 ใน 4 เรื่องจากชุด ปิงปิงระวังภัย เตรียมความพร้อมลูกรู้วิธีป้องกันตัวเองจากคนแปลกหน้า ผ่านเรื่องราวของปิงปิง ที่ไปเที่ยวกับคุณแม่ ขณะที่คุณแม่กำลังรับโทรศัพท์ ปิงปิงเห็นตัวตลกถือลูกโป่งผ่านไป ปิงปิงอยากได้ลูกโป่งจึงเดินตามไป เพราะคิดว่าใกล้นิดเดียว และไปไม่นาน แต่คิวลูกโป่งยาวกว่าที่คิด และมีคนแปลกหน้ามาชวนปิงปิงไปเอาลูกโป่งอีกที่นึง ซึ่งมีลูกโป่งเยอะกว่า ปิงปิงจะทำอย่างไร?

เพราะเด็กไม่คิดอะไรซับซ้อน จึงถูกหลอกได้ง่าย เป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณแม่ต้องเตรียมความพร้อม ให้ลูกมีทักษะชีวิต โดยให้หนังสือนิทาน เป็นอีก 1 วิธีป้องกันลูกหาย ที่จะเป็นการยกตัวอย่างให้ลูกเห็นว่า เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และตัวละครมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร

เรียบเรียง : พี่คิดส์ซี่

ข้อมูลอ้างอิง : https://goo.gl/zb7VTx

ถ้าทำทุกอย่างให้ลูก ลูกจะไม่มี Selfsteem

ปัญหาใหญ่ของพ่อแม่มีฐานะส่วนใหญ่ คือกลัวลูกลำบาก กลัวลูกไม่ฉลาดเหมือนลูกคนอื่น กลัวลูกมีไม่เท่าเพื่อนๆ ด้วยทุนทรัพย์ที่มีจึงต้องดูแลเอาใจใส่ลูกเต็มที่ ลูกอยากได้อะไรจัดให้หมด อยากทำอะไรช่วยทำแทน จัดแจงทุกอย่างทุกเรื่องให้ลูก

▶ไม่ดีเหรอ?

คำตอบคือ ไม่ดี เพราะลูกจะไม่ได้ฝึกทำอะไรด้วยตัวเอง

ไม่ได้ฝึกแก้ปัญหาเอง ไม่ได้ผ่านเรื่องลำบากเอง

ไม่ได้กำหนดเป้าหมายเอง

เพราะมีแต่พ่อแม่บอกให้ทำหรือช่วยตลอด

self esteem หรือการนับถือตนเองของลูกจึงต่ำ

▶self esteem สำคัญ 

เป็นตัวกำหนดความสำเร็จทุกด้านของชีวิต และเป็นรากฐานการสร้าง EF ของลูก (ทักษะสมองในการควบคุมตัวเองไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งใจ) ถ้าพ่อแม่คอยแต่ประคบประหงมทุกเรื่อง ลูกจะเสียโอกาสในการเรียนรู้ทักษะการควบคุมตนเอง

▶self esteem จะเกิดได้ต้องผ่านการฝึกฝน

ไม่ใช่พ่อแม่พูดสอนสั่ง ลูกต้องลงมือทำ

ลองผิดลองถูกเอง เจ็บตัวเอง

เลอะเทอะเอง เหนื่อยเอง ลำบากเอง

พ่อแม่ควรทำหน้าที่ส่งเสริม “เชียร์อยู่ข้างหลัง”

ไม่ใช่เดินนำบอกให้ทำ แต่ควรแนะนำ ระวังความปลอดภัยให้

ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายร้ายแรง

ก็ควรปล่อยให้ลูกลองทำเอง

ตัดสินใจเอง แก้ปัญหาเอง

ไม่ว่าการเล่น การทำงาน

จะดีต่อการพัฒนาสมองและนิสัยใจคอของลูก

▶เริ่มต้นฝึกลูกได้ตั้งแต่วัยอนุบาล

เริ่มจากเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัว

เช่น ให้ลูกเป็นคนเลือกเสื้อใส่เอง

ลองชวนปลูกต้นไม้ให้เขาช่วยทำ

ชวนทำไข่เจียวให้ลูกเป็นลูกมือ

ลองปีนต้นไม้เก็บมะม่วง ฯลฯ

ควรฝึกลูกทำบ่อยๆ และเป็นสิ่งที่พ่อแม่จำเป็นต้องทำถ้าอยากให้ลูกมี self esteem และควบคุมตัวเองได้


ป๋องแป๋งทำงานบ้าน นิทานเด็ก ป๋องแป๋งทำงานบ้าน ฝึกทักษะ EF ผ่านการทำงานบ้าน ฝึกความรับผิดชอบ นิทานก่อนนอน หนังสือสำหรับเด็ก 4-6 ปี

ป๋องแป๋งแปรงฟัน นิทานเด็ก ป๋องแป๋งแปรงฟัน นิทานก่อนนอน ฝึกสุขนิสัยที่ดีในการแปรงฟัน หนังสือสำหรับเด็ก 0-3 ปี

ป๋องแป๋งแต่งตัว นิทานเด็ก ป๋องแป๋งแต่งตัว นิทานก่อนนอน ฝึกให้แต่งตัวเองได้ หนังสือสำหรับเด็ก 0-3 ปี

ป๋องแป๋ง ชุดหนูทำได้ นิทานเด็ก ป๋องแป๋ง ชุดหนูทำได้ พัฒนาทักษะ EFด้านความมุ่งมั่น สร้างความมั่นใจในตนเอง หนังสือสำหรับเด็ก 0-6 ปี

ทำไมลูกยิ่งเล่นยิ่งฉลาด

ทำไมลูกยิ่งเล่นยื่งฉลาด

เด็กๆ เรียนรู้ผ่านการเล่นทุกรูปแบบ

ไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป ระบายสี หรือเล่นกลางแจ้ง

อย่างวิ่งไล่จับกัน ปีนตาข่าย ลื่นสไลด์เดอร์ นั่งชิงช้า

จะช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมือในเด็กเล็ก 1-3 ขวบได้ดีมาก

“มือ” ถือเป็นสมองที่สองของเด็ก ยิ่งมือใช้งานมากเท่าไหร่

เส้นใยสมองจะยิ่งแตกแขนงได้ดีมากเท่านั้น

ส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองโดยตรง

การเล่นของลูกช่วงวัยนี้จึงสำคัญมาก


นิทานป๋องแป๋ง #ชุดหนูทำได้ ช่วยให้ลูกเรียนรู้การใช้กล้ามเนื้อมือพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ สร้าง EF ผ่านการเล่นสนุก 2 อย่าง “หัดถีบรถและว่ายน้ำ”

เล่นด้วยกันสนุกดี นิทานเด็ก สร้างจินตนาการ ฝึกคิดสร้างสรรค์ประดิษฐ์ของเล่นจากสิ่งรอบตัว (สแกนQRCode ฟังเพลงแสนสนุกได้ที่ปกหลัง) หนังสือสำหรับเด็ก 0-6 ปี

ทำไมต้องให้ลูกเล่นเยอะแยะ

ทำไมต้องให้ลูกเล่นเยอะๆ

ทำไมต้องให้ลูกเล่นเยอะๆ

  • ทางจิตวิทยาและงานวิจัยเห็นตรงกันว่า
  • เล่นดินทรายช่วยระบายความก้าวร้าว
  • ฉีก แปะ กระดาษ ก็ช่วยระบายความก้าวร้าวได้ดี
  • ปั้นดินน้ำมัน ช่วยสร้าง self esteem ลูกจะรู้สึกว่า ฉันทำได้
  • แค่ขย้ำเบาๆ ดินน้ำมันก็เปลี่ยนรูปร่างแล้ว
  • เล่นบทบาทสมมุติ ช่วยพัฒนาภาษา คำศัพท์
  • ต่อบล็อกไม้ ช่วยเรื่องเปลี่ยนมุมมอง ยืดหยุ่นความคิด
  • ระบายสี ช่วยฝึกกล้ามเนื้อมือทุกมัด เลอะเทอะบ้างแต่สนุกมาก
  • ปีนที่สูง ช่วยเพิ่ม EF แทบทุกด้าน จะปีนได้ลูกต้องควบคุมตัวเอง มือเท้าต้องสัมพันธ์กัน
  • ตั้งใจ วางแผนว่าจะปีนถึงไหน แล้วอดทนพยายามปีนไปให้ถึง
  • ดนตรี กับ กีฬา ก็ช่วยสร้าง EF ที่ดีมาก

เก่งจัง ตัวเรา นิทานเด็ก รู้จักอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย (สแกนQRCode ฟังเพลงแสนสนุกได้ที่ปกหลัง) หนังสือสำหรับเด็ก 0-6 ปี