Pass Education Co.,Ltd
โดยปกติจะตอบกลับภายในไม่กี่ชั่วโมง
พาส เอ็ดดูเคชั่น สวัสดีจ้า
เริ่มแชท

วิธีสอนลูกให้รักการเรียนรู้ตั้งแต่เด็ก

วิธีสอนลูกให้รักการเรียนรู้ตั้งแต่เด็ก

7 วิธีสอนลูกให้รักการเรียนรู้ตั้งแต่เด็ก

1. ช่วยลูกค้นหาความสนใจและหลงใหล

วิธีหนึ่งในการจุดประกายความรักในการเรียนรู้คือ การช่วยให้ลูกค้นหาตัวตน และความสนใจของเขา เด็กจะเรียนรู้ได้ดี เมื่อได้ทำในสิ่งที่เขาสนใจ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพและช่วยพัฒนาเด็ก

สังเกตและพูดคุยกับลูกเกี่ยวกับสิ่งที่เขากำลังทำ อ่าน ดู และเรียนรู้ พาเขาไปสัมผัสประสบการณ์ต่างๆ เช่น พิพิธภัณฑ์ ชมการแสดงละคร สวนสัตว์ ฯลฯ หรือลองทำแบบทดสอบความสนใจ กิจกรรมเหล่านี้สามารถช่วยพ่อแม่ค้นหาและจุดประกายความสนใจของลูกได้

2. ปล่อยให้ลูกลงมือทำ

เมื่อรู้แล้วว่าลูกสนใจอะไร ก็ช่วยหาข้อมูลเพิ่มเติมและทำให้การเรียนรู้น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น โดยการพาเขาไปลองเรียนรู้สัมผัสด้วยประสบการณ์ของตัวเอง การเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติจริงนั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับเด็ก เมื่อเด็กได้เคลื่อนไหว สัมผัส และได้รับประสบการณ์ เขาจะเรียนรู้อย่างสนุกสนาน

เช่น หากลูกของคุณกำลังเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์น้ำ ให้พาเขาไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ถ้าเขากำลังสนใจศิลปินสักคน ให้พาเขาไปที่พิพิธภัณฑ์เพื่อดูผลงานของศิลปินคนนั้น

3. ทำให้การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก

เรื่องที่ดูเหมือนน่าเบื่อก็สามารถกลายเป็นเรื่องสนุกมากขึ้นได้เมื่อปรับรูปแบบการเรียนรู้ เช่น สอนผ่านเพลง เกมวิชาการ เกมล่าสมบัติ กิจกรรมสร้างสรรค์ BINGO เชิงวิชาการ หรือปริศนาอักษรไขว้ รวมไปถึงการทำโครงการศิลปะ ดนตรี หรืองานเขียนเชิงสร้างสรรค์เข้ากับหัวข้อวิชาการใดก็ได้ เช่น สร้างเพลงเกี่ยวกับวัฏจักรของน้ำ หรือเขียนเรื่องราวจากมุมมองของลูกอ๊อดในขณะที่กำลังแปลงร่างเป็นกบ หรืออาจสร้างแบบจำลองของระบบสุริยะโดยใช้วัสดุที่หาได้ในบ้านหรือในห้องเรียน หรือบางครั้งแค่ใช้อารมณ์ขัน เล่าเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับเนื้อหาที่สอนก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เด็กได้รับประสบการณ์ที่สนุกสนานขึ้น

เมื่อลูกเริ่มเห็นว่าการเรียนรู้เป็นเรื่องสนุกมากขึ้นและเครียดน้อยลง ความรู้สึกรักในการเรียนรู้ก็ค่อยๆ จะเติบโตขึ้น

4. เป็นพ่อแม่ที่รักในการเรียนรู้

พ่อแม่ควรสำรวจตัวเองเช่นกัน ว่าสนใจ หลงใหลในเรื่องอะไร และแสดงออกให้ลูกเห็น เช่น การทำอาหาร การถ่ายภาพ วรรณกรรม ฯลฯ พูดคุยกับลูกเกี่ยวกับสิ่งที่พ่อแม่กำลังเรียนรู้ ความท้าทาย ความตื่นเต้น วิธีที่พ่อแม่นำสิ่งที่คุณเรียนรู้ไปใช้ในชีวิต การแสดงความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ของพ่อแม่จะช่วยปลูกฝังความหลงใหลแบบเดียวกันนี้ให้กับลูก

5. ค้นหาสไตล์การเรียนรู้ที่เหมาะกับลูก

เด็กมีสไตล์การเรียนรู้ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง หรือรูปแบบการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของแต่ละคน นักจิตวิทยาได้ระบุรูปแบบการเรียนรู้หลัก 3 รูปแบบ ได้แก่ การเรียนรู้ผ่านการมองเห็น การได้ยิน และการเคลื่อนไหวร่างกาย

·         เด็กที่ชอบเรียนรู้ผ่านการมองเห็น จะประมวลผลข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อนำเสนอเป็นลายลักษณ์อักษรหรือเป็นรูปภาพ เด็กกลุ่มนี้มีลักษณะช่างสังเกต มีความจำที่ยอดเยี่ยม และมักจะชอบงานศิลปะ

·         เด็กที่ชอบเรียนรู้ผ่านการได้ยิน ชอบที่จะรับข้อมูลผ่านการฟัง เด็กกลุ่มนี้เป็นผู้ฟังที่ดี ปฏิบัติตามคำสั่งได้ดี และมักมีจุดแข็งด้านการพูด และ/หรือความถนัดด้านดนตรี

·         เด็กที่ชอบเรียนรู้ผ่านการเคลื่อนไหวร่างกาย มักเก่งด้านกีฬาหรือเต้นรำ เด็กกลุ่มนี้เรียนรู้ได้ดีที่สุดผ่านการเคลื่อนไหวและการสัมผัส ชอบนับนิ้วหรือใช้ภาษาท่าทางบ่อยๆ

หาจุดเด่นของลูกว่าเด่นในการเรียนรู้แบบไหน และส่งเสริมในทางที่เหมาะกับเขา จะช่วยให้เขาเรียนรู้ในแบบที่เขารู้สึกสบายใจและสนุกสนานที่สุด

6. พูดคุยและรับฟัง

การให้ความสนใจกับคำถามที่ลูกถามอาจช่วยให้ค้นพบความสนใจของเขาได้ เมื่อลูกแสดงสนใจด้วยการถามคำถาม พยายามตอบคำถามนั้นให้ดีที่สุด แม้ว่าคำถามจะนอกประเด็นไปบ้าง แต่พ่อแม่ก็ควรแสดงความสนใจและสร้างโอกาสในการเรียนรู้ให้กับลูก หากพ่อแม่ไม่ทราบคำตอบ ชวนลูกมาค้นหาคำตอบไปด้วยกัน เป็นการสร้างประสบการณ์ที่สนุกและน่าจดจำได้อีกทางหนึ่ง

พูดคุยด้วยการถามคำถามปลายเปิด เช่น "ทำไม" "อย่างไร" หรือ "จะเกิดอะไรขึ้นถ้า….?" คำถามเหล่านี้สามารถนำเด็กไปสู่ระดับการคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหาในระดับที่สูงขึ้นอีกด้วย

7. สนับสนุนและให้กำลังใจ

เหตุผลหนึ่งที่เด็กมักจะสูญเสียความรักในการเรียนรู้ เมื่อเขาเริ่มเชื่อมโยงการเรียนรู้กับความวิตกกังวลและความกดดัน ทำให้เขากังวลว่าจะได้เกรดไม่ดี ตอบคำถามผิด หรือสอบตก

เมื่อการเรียนรู้เป็นเรื่องของผลลัพธ์เท่านั้น การเรียนรู้ก็จะไม่สนุกอีกต่อไป สิ่งสำคัญคือต้องสอนเด็กๆ ว่าความสำเร็จไม่ได้เกิดจากความสามารถที่มีมาแต่กำเนิด เช่น "ความฉลาด" ความสำเร็จมาจากความพากเพียร การฝึกฝน การทำงานหนัก และความล้มเหลว

 

เมื่อเด็กได้รับคำชมจาก “ความพยายาม” แทนที่จะชม “ความสามารถ” เด็กจะทำคะแนนการทดสอบเชาวน์ปัญญาได้สูงขึ้น

เด็กที่เชื่อมโยงว่าความล้มเหลวมาจากการขาดสติปัญญามักจะหลีกเลี่ยงงานที่ยากหรือยอมแพ้ได้ง่าย ในทางกลับกัน เด็กที่มองว่าความท้าทายเป็นโอกาสในการเรียนรู้มีแนวโน้มที่จะยืนหยัด วางกลยุทธ์ และทำต่อไปจนกว่าจะพบวิธีแก้ปัญหา

ดังนั้น พ่อแม่ที่สนับสนุนและให้กำลังใจเมื่อลูกกล้าลองผิดลองถูก กล้าเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เปิดโอกาสให้เขาเรียนรู้จากประสบการณ์เหล่านี้ โดยไม่ต้องสนใจว่าทำสำเร็จหรือสมบูรณ์แบบหรือไม่ ลูกจะรู้สึกผ่อนคลายและสนุกกับกระบวนการเรียนรู้ได้มากขึ้น

 

นิทานปิงปิง ชุดสงสัย นิทาน EF สอนลูกให้รักการเรียนรู้ตั้งแต่เด็ก สำหรับเด็ก 2-6 ปี

ปิงปิงอยากลอง นิทานภาพสำหรับเด็กวัย 2-6 ปี สอนให้รู้จักตั้งคำถาม ช่างสงสัย กล้าทดลอง รักการเรียนรู้ ผ่านเรื่องราวของปิงปิงที่เห็นผู้ใหญ่ชอบชงกาแฟกินกัน จึงขอลองชิมและพบว่ารสชาติขมไม่อร่อย ปิงปิงเห็นแม่แต่งหน้าจึงอยากลองทำบ้าง แต่ก็แต่งจนหน้าตาเลอะเทอะดูตลก แถมแพ้เครื่องสำอาง แม่จึงต้องพาไปหาหมอ และสอนว่า ถ้าจะลองอะไรให้บอกแม่ก่อน ท้ายเล่มมีความรู้เสริมวิธีสอนลูกให้กล้าลองเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

นิทานปิงปิง ชุดสงสัย นิทาน EF เรื่อง ปิงปิงอยากลอง ช่วยพัฒนา EF ให้ลูกได้อย่างไร

•         ด้านจำเพื่อใช้งาน ปิงปิงอยากรู้ว่าการทำกาแฟดริปทำอย่างไรและต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง จึงขออนุญาตพ่อทำกาแฟดริปไปให้คุณลุงกับคุณป้า

•          ริเริ่ม ลงมือทำ ปิงปิงลองทำสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำ ทั้งการชิมกาแฟและใช้เครื่องสำอางแต่งหน้า ทาคิ้ว ทาปาก แต่งตัวแบบผู้ใหญ่ที่เคยเห็น

•          ยืดหยุ่นความคิด และ ยั้งคิด ไตร่ตรอง ปิงปิงแอบลองใช้เครื่องสำอางของแม่แต่งหน้าและแต่งตัวเลียนแบบผู้ใหญ่ สุดท้ายปิงปิงแพ้เครื่องสำอางหน้าตาบวมจนแม่ต้องพาไปหาหมอ ปิงปิงจึงเรียนรู้ว่าต่อไปจะไม่ทำอีก และหากจะลองทำอะไรใหม่ๆ ต้องบอกพ่อแม่ก่อนเสมอ

#นิทานปิงปิง #ปิงปิงอยากลอง  #นิทานEF  #วิธีสอนลูกให้รักการเรียนรู้ตั้งแต่เด็ก  #สอนลูกให้กล้าลองผิดลองถูก #สอนลูกให้ลองเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้