Pass Education Co.,Ltd
โดยปกติจะตอบกลับภายในไม่กี่ชั่วโมง
พาส เอ็ดดูเคชั่น สวัสดีจ้า
เริ่มแชท

วิธีเลี้ยงลูกให้มีความมุ่งมั่น ไม่ท้อถอย

วิธีเลี้ยงลูกให้มีความมุ่งมั่น ไม่ท้อถอย

8 วิธีเลี้ยงลูกให้มีความมุ่งมั่น ไม่ท้อถอย

Angela Duckworth นักจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ผู้บรรยาย TED Talk และผู้เขียนหนังสือขายดีของ Grit: The Power of Passion and Perseverance ได้ทำการวิจัยนักเรียนที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวทั้งในด้านวิชาการและวิถีชีวิตพบว่า ตัวทำนายผลลัพธ์เชิงบวกที่น่าเชื่อถือที่สุด ไม่ใช่สติปัญญา แต่เป็นการผสมผสานระหว่างความอดทน การควบคุมตนเอง ความเชื่อมั่น และความทะเยอทะยาน ตัวอย่างเช่น เด็กที่ชนะการสะกดคำไม่จำเป็นต้องฉลาดกว่าเพื่อน แต่เป็นเด็กที่มุ่งมั่นและพยายามอย่างหนักในการเรียนรู้คำศัพท์ต่างหาก

เช่นเดียวกับ Paul Tough ผู้เขียนหนังสือ How Children Succeed ยอมรับว่าการพัฒนาทักษะต่างๆ เช่น ความอดทน ความเพียร การควบคุมตนเอง การมองโลกในแง่ดี ความกตัญญู ความฉลาดทางสังคม ความสนุกสนาน และความอยากรู้อยากเห็น มีความสำคัญมากกว่า IQ  เขาเชื่อว่าคุณลักษณะเหล่านี้สามารถส่งเสริมได้ หากพ่อแม่สนับสนุนให้ลูกทำงานที่ท้าทาย และสามารถเอาชนะได้ เขาให้เหตุผลว่าความยากลำบากและความล้มเหลวมีความสำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก


1.     ช่วยลูกของคุณค้นหาสิ่งที่ชอบ

พ่อแม่ควรสังเกตและสนับสนุนให้ลูกได้ลองทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่เขาชอบ ที่สำคัญ ควรปล่อยให้ลูกทำตามความสนใจที่เขาเลือกเอง เมื่อเด็กได้ทำในสิ่งที่ชอบ เขาจะมีความสุขที่จะทำอย่างต่อเนื่อง และมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ

2.     พาลูกออกจาก Comfort Zone

พ่อแม่ควรสนับสนุนให้ลูกพยายามทำกิจกรรมที่ท้าทาย ลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่ทำให้ลูกมีโอกาสพิสูจน์ว่า เขาสามารถทำอะไรก็ได้ หลายคนอาจเชื่อว่าจะเก่งหรือไม่เก่งก็เพราะเกิดมาเป็นแบบนั้น ทำให้เด็กหลายคนยอมแพ้ง่ายๆ หากทำไม่สำเร็จในทันที ลองให้ลูกทำสิ่งที่ยากสักหนึ่งอย่าง เป็นกิจกรรมที่ต้องใช้วินัยในการฝึก โดยไม่จำเป็นต้องโฟกัสที่ผลลัพธ์ แต่ให้โฟกัสที่ความพยายามและประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรมนั้นแทน

3.     ปล่อยให้ลูกดิ้นรนบ้าง

พ่อแม่ไม่ชอบเห็นลูกต้องดิ้นรน แต่การเสี่ยงและดิ้นรนเป็นวิธีที่ดีที่จะทำให้เด็กได้เรียนรู้ หากเด็กไม่เคยประสบความสำเร็จในสิ่งที่ยาก เขาจะไม่สามารถพัฒนาความมั่นใจในการเผชิญหน้ากับความท้าทายได้ ดังนั้น เมื่อลูกต้องรับมือกับสิ่งที่ยากต่อการควบคุม ปล่อยให้เขาทำ โดยไม่แทรกแซง และอย่าปล่อยให้พวกเขาล้มเลิกง่ายๆ เมื่อเห็นว่าเขารู้สึกยากลำบาก หากปล่อยให้ลูกยอมแพ้ เขาอาจไม่มีวันได้เห็นว่าความยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นได้อย่างไร จากพยายามฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้น การเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่างหากที่จะทำให้ลูกได้พัฒนาทักษะการคิดยืดหยุ่น และพยายามหาทุกวิถีทางที่จะเอาชนะมันให้ได้

4.     สร้าง Growth Mindset ให้กับลูก

ใน TED Talk ปี 2013 ของ Duckworth เธอกล่าวว่า วิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มความอดทนให้กับเด็กๆ คือการสอนสิ่งที่นักจิตวิทยา Carol Dweck ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และผู้เขียน Mindset: The New Psychology of Success เรียกว่า “growth Mindset”

คนที่มีวิธีคิดแบบ growth Mindset เชื่อว่าทักษะและความรู้ความสามารถของเราสามารถพัฒนาได้ผ่านการเรียนรู้และการพยายามฝึกฝน ไม่มีอะไรที่อยู่เหนือความพยายามและความตั้งใจ ในทางกลับกัน คนที่มี Fixed Mindset เชื่อว่าพวกเขามีสติปัญญาและพรสวรรค์ในระดับหนึ่ง และไม่มีอะไรสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นได้

Dweck พบว่าคนที่มี growth Mindset นั้นมีความยืดหยุ่นมากกว่าและมีแนวโน้มที่จะฝ่าฟันอุปสรรคไปได้

เด็กจะมีกรอบความคิดอย่างไรนั้นถูกกำหนดโดยผู้ใหญ่ผ่านคำพูดและการกระทำที่เราสร้างเป็นแบบอย่างให้กับเด็ก การชมเด็กว่าฉลาดแสดงให้เห็นว่า พรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิดเป็นปัจจัยของความสำเร็จ ในขณะที่การมุ่งเน้นไปที่กระบวนการจะช่วยให้เด็กเห็นว่าความพยายามนำไปสู่ความสำเร็จได้อย่างไร เมื่อพ่อแม่พูดในเชิงบวกเกี่ยวกับการทำผิดพลาด เด็กจะเรียนรู้ว่าความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้โดยธรรมชาติ คนที่ประสบความสำเร็จ ต่างก็เคยทำผิดพลาดมาก่อนทั้งนั้น

5.     ระดมพลังสมองร่วมกัน

หากลูกของคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก พ่อแม่อาจร่วมเสนอความคิดและแผนการดำเนินการได้ แต่ให้ลูกเป็นคนตัดสินใจเอง ประสบการณ์ของพ่อแม่จะช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้เขาพัฒนาทักษะการคิดยืดหยุ่น รู้จักคิดหาวิธีต่างๆ หลายๆ ตัวเลือกในการแก้ไขสถานการณ์

6.     สอนลูกว่า ไม่เป็นไรที่จะล้มเหลว

เด็กเรียนรู้จากผู้ใหญ่รอบตัว ดังนั้นหากต้องการให้ลูกรับมือกับความล้มเหลวได้อย่างเข้มแข็ง พ่อแม่ควรเป็นแบบอย่างของความมุ่งมั่น สอนลูกว่าไม่เป็นไรที่จะล้มเหลว คุยกับลูกว่าพ่อแม่ก็เคยล้มเหลวมาก่อน แต่พ่อแม่อดทนและปรับตัวอย่างไรจึงผ่านมันมาได้ ลูกจะเห็นว่า เราสามารถหาวิธีแก้ปัญหาและกลับมายืนหยัดอีกครั้งได้อย่างไร

7.     ชื่นชมที่ความพยายาม ไม่ใช่ที่ความสำเร็จ

เป้าหมายของงานไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ หากพ่อแม่เข้าไปแทรกแซงตลอดเวลา ลูกจะรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่มั่นใจในความสามารถของเขา ปล่อยให้ลูกได้พยายามด้วยตัวเอง แล้วชื่นชมที่ความพยายาม ความมุ่งมุ่น ไม่ท้อถอยของลูก แทนที่จะชมกว่า เก่งที่สุด สวยที่สุด ดีที่สุด เพราะจะทำให้ลูกสับสนว่า พ่อแม่ยังจะชื่นชมเขาอยู่ไหม จะยังรักเขาอยู่หรือเปล่า ถ้าครั้งต่อไป ผลงานของเขาไม่ได้ดีที่สุด สวยที่สุด

8.     เป็นพ่อแม่ที่มุ่งมั่น ไม่ท้อถอย

วิธีที่ดีที่สุดที่เด็กจะเรียนรู้ความอดทน และมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมาย คือการเฝ้าดูพ่อแม่ แสดงให้ลูกเห็นว่าคุณทำงานที่ท้าทาย ด้วยความมุ่งมั่น ไม่ท้องถอย และบางครั้งก็ล้มเหลว ผิดพลาดได้เหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะล้มกี่ครั้ง ก็จะลุกขึ้นมาใหม่เสมอ เป็นแบบอย่างลูกเห็นว่าความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องที่ต้องกลัว

ที่มา : www.verywellfamily.com

 

ชุดนิทานก่อนนอน สอนลูกให้มุ่งมั่น ไม่ท้อถอย สำหรับเด็ก 1-6 ปี

บ้านอบอุ่นของพ่อบีเวอร์  นิทาน EF ของพ่อกับลูกยุคใหม่ที่มีพ่อเป็นไอดอลสุดสนุก เสริมทักษะชีวิต ให้เด็กมีความมุ่นมั่นพยายาม ไม่ท้อง่าย เหมือนพ่อบีเวอร์ที่พยายามสร้างบ้านครั้งแล้วครั้งแล้ว หลังจากถูกพายุพัดพัง จนในที่สุดสามารถสร้างบ้านใหม่ที่แข็งแรงต้านพายุได้สำเร็จ

พ่อคือเสาหลัก พัฒนา EF ของลูก

 “ชุดนิทานก่อนนอน” นิทาน EF เรื่อง บ้านอบอุ่นของพ่อบีเวอร์ ช่วยพัฒนา EF ให้ลูกได้อย่างไร

●       ด้านจำเพื่อใช้งาน เด็กได้เรียนรู้ว่าความมุ่งมั่น พยายาม จะนำความสำเร็จมาให้

●       ด้านควบคุมอารมณ์ และ วางแผน ดำเนินการ แม้จะผิดหวัง เจอความยากลำบาก แต่พ่อบีเวอร์ก็เป็นตัวอย่างของความไม่ท้อถอย ไม่หมดกำลังใจ ยังคงมุ่งมั่นทำงานต่อไปจนสำเร็จ

 

#วิธีเลี้ยงลูกให้มีความมุ่งมั่น #เลี้ยงลูกให้ไม่ยอมแพ้ #นิทานก่อนนอน #นิทาน EF #บ้านอบอุ่นของพ่อบีเวอร์

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้