ชมให้เป็น ลูกเก่งได้ไม่ยาก
สำหรับเด็กๆ แล้วคำชมมีความจำเป็นและสำคัญมากๆ ค่ะ ถ้าใช้ให้เป็น คำชมนี่แหละจะเป็นแรงกระตุ้นที่ดีมากช่วยทำให้ลูกอยากทำซ้ำๆ (เพราะทำแล้วจะได้คำชมจากพ่อแม่) เกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง เมื่อลูกทำดีแม้จะดูเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น ทานข้าวเองได้ (ถึงจะหกเลอะเทอะบ้างหรือใช้เวลามากหน่อยก็ไม่เป็นไร) ไม่ฉี่รดที่นอน เข้านอนไม่งอแง ช่วยหยิบของให้ เก็บของเล่นเอง ฯลฯ หน้าที่ของพ่อแม่ก็คือ ชมลูกทันทีเมื่อเขาทำได้ทำตัวน่ารัก และชมอย่างจริงใจ ไม่ใช่ชมพร่ำเพรื่อหรือเกินจริงเพราะเด็กก็มีเซ้นส์แยกแยะออก ว่าอันไหนเป็นคำชมจริงหรือแค่แกล้งชม และการชมให้ชมสิ่งที่ลูกทำ เช่น หนูเก็บที่นอนเองเก่งมากจ้ะ หรือหนูกินข้าวเองได้จนหมดชามเลยเก่งมากจ้ะ
สำหรับลูกวัยอนุบาลยิ่งถูกชมก็ยิ่งเป็นแรงเสริมที่ดีให้ลูกทำสิ่งนั้นบ่อยๆ จนเป็นนิสัยที่ดีติดตัวเขาไปได้ แต่ในลูกวัยประถมที่เริ่มรู้เรื่องและเข้าใจมากขึ้น พ่อแม่ก็ต้องพิถีพิถันในการชมด้วย ให้เลือกชมในความพยายามของเขา เช่น ชมว่าลูกขยันทำโจทย์เลขจึงสอบได้คะแนนดี มากกว่าจะชมว่า ลูกเก่งมากที่สอบได้คะแนนดี สรุปหลักในการชมลูกง่ายๆ คือ
1. ชมลูกอย่างจริงใจ
2. ชมในสิ่งที่ลูกทำหรือพยายามทำ มากกว่าบอกแค่ว่า เก่งมาก ดีมาก
3. ไม่ชมพร่ำเพรื่อหรือในสิ่งที่ดูธรรมดา (ชมตามวัยของลูก เช่น อยู่ ป.1 แต่กลับชมลูกว่า เก่งมากที่แปรงฟันเองเป็น)
4. ไม่ชมลูกโดยเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น
แค่พ่อแม่รู้จักชมลูกและชมให้เป็น ก็จะเป็นแรงจูงใจให้ลูกเป็นเด็กน่ารักได้ไม่ยากเลย